ปี ๒๕๔๔ รัฐบาลได้จัดสรรที่อยู่อาศัยให้กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ใต้สะพาน เลี้ยงชีพด้วยการเก็บขยะขาย
ในที่ดินของการเคหะแห่งชาติ ๓ แห่ง หนึ่งในนั้นคือ ชุมชนอ่อนนุช ๑๔ ไร่
ชาวชุมชนอ่อนนุช ๑๔ ไร่ ย่านถนนสุขาภิบาล ๒
เขตประเวศ กรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังประกอบอาชีพเก็บขยะและของเก่าขาย
คนทำอาชีพเก็บของเก่าขายมีรายได้ต่อวันไม่มากนัก
ปี ๒๕๔๖ ชาวชุมชนเกิดความคิดรวมกลุ่มทำ
โครงการสหกรณ์ขยะ ดำเนินงานในนาม “กลุ่มขยะรีไซเคิล ชุมชนอ่อนนุช ๑๔ ไร่”
โดยให้สมาชิกนำขยะรีไซเคิลมาแลกสินค้าของใช้ประจำวันที่ร้านค้าสวัสดิการในราคาถูกกว่าท้องตลาด
ช่วงเริ่มต้นมีสมาชิกเพียง ๓
ครอบครัว ปัจจุบันขยายเป็น ๗๐ ครอบครัว
กลุ่มประสบความสำเร็จ
สามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่
ธนาคารขยะ ขยะประกันชีวิต ล่าสุดคือ สวนผักของชุมชน
ชุมชนแห่งนี้รู้จักคุ้นเคยกับมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืนฯ ชักชวนให้เข้าร่วมโครงการสวนผักคนเมือง
“ชาวชุมชนส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นคนชนบท
คุ้นเคยกับการทำเกษตรมาก่อน เมื่อรู้เรื่องนี้หลายคนก็สนใจ”
ผู้ที่มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของก็คือ
สมาชิกกลุ่มขยะรีไซเคิลฯ ทั้ง ๗๐ ครอบครัว
ปรับปรุงที่ดินสนามฟุตบอลกลางชุมชนที่ไม่มีใครมาใช้งาน
เนื้อที่ ๗๒ ตารางวา ให้กลายเป็นสวนผัก
ขุดบ่อบาดาลสำหรับสูบน้ำมารดผัก
ช่วยให้ประหยัดกว่าใช้น้ำประปา
แต่ละคนจะเจียดเวลาว่างในช่วงเย็นผลัดกันมาช่วยรดน้ำ
พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ดูแลพืชผักต่าง ๆ ที่ปลูกในสวน
นอกจากปลูกผัก
ยังขุดบ่อเลี้ยงปลาไว้กลางสวน
จุดเด่นอย่างหนึ่งที่เห็นจากสวนผักของชุมชนคนเก็บของเก่าก็คือ การนำเศษวัสดุเหลือทิ้งต่าง ๆ
นานาที่หาได้มาใช้ประโยชน์ เช่น
ถุงกระสอบทรายจากช่วงน้ำท่วมนำมาเป็นถุงใส่ดินปลูกต้นไม้
ตะกร้า กะละมัง
หรือกระเบื้องลอนทิ้งแล้วก็ทำเป็นภาชนะปลูกผักได้
แผ่นไม้หรืออิฐบล็อกนำมากั้นเป็นแปลงผัก
กรงสัตว์เลี้ยงที่รับซื้อมาเป็นเศษเหล็ก
ก็นำมาครอบบนแปลงเพาะกล้าต้นเล็ก ๆ เพื่อกันฝูงนกมาจิกกิน
เรื่องที่น่าสนใจก็คือ
นำขยะเปียกในครัวเรือน
ประเภทเศษข้าว เศษอาหาร เศษผักและผลไม้ มาเทรวมในถังซีเมนต์เพื่อทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
สำหรับใช้บำรุงผักที่ปลูกในสวน
ด้วยวิธีนี้ขยะเปียกจำนวนมหาศาลของชุมชนจึงถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างได้ผล
“ที่นี่ยังรับซื้อเศษใบไม้ด้วย
กิโลกรัมละ ๒๕ สตางค์ สำหรับนำมาหมักปุ๋ย”
สมาชิกเก็บผักไปกินได้
โดยนำเงินหยอดกระป๋องเพียง ๕-๑๐ บาท แล้วเก็บแต่พอกิน
เท่านี้ก็ได้ผักสดกลับไปทำอาหารที่บ้าน
ราคาถูกกว่าซื้อในตลาดหรือรถขายกับข้าว
เงินในกระป๋องจะใช้สำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกครั้งต่อไป
หรือเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงดูแลสวนผัก
บางครั้งมีคนข้างนอกที่อยากกินผักปลอดสารพิษ
เดินทางเอาขยะรีไซเคิลมาขอแลกผักไปกินก็มี
ผักที่ปลูกในสวนนอกจากผักกินใบพื้นฐาน
จำพวกคะน้า กวางตุ้ง ผักกาดขาว ก็มีพืชผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านหามาปลูก เช่น
ต้นขี้เหล็ก ชะอม มะกล่ำตาหนู ผักปลัง หรือตะลิงปลิง
“สมาชิกที่นี่กินง่าย ส่วนใหญ่เขามาเอาคะน้าหรือกวางตุ้ง
ต้นสองต้นเขาก็ไปผัดกินกันในครอบครัว ลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ถ้าซื้อกินก็เกือบ ๑๐๐
บาทต่อมื้อ แต่ตอนนี้เก็บคะน้าจากสวน มีปลาเค็มชิ้นหนึ่ง ๓๕ บาท ก็ผัดกินได้ ๒-๓
มื้อแล้ว”
ดังนั้นการทำสวนผักจึงช่วยให้ชาวชุมชนประหยัดค่าใช้จ่าย
ได้บริโภคผักสดที่ปลอดภัยจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
จักรพันธุ์ กังวาฬ
วิจิตต์ แซ่เฮ้ง
นิตยสารสารคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น